แบบฝึกหัดรักบทที่ 9

Go to download
#1

อย่านะ! นี่มันในห้องเรียน!
อาทิตย์หนึ่งแล้วที่นานะจากไป ช่วงแรกเคนสุเกะคลายความทุกข์ลงได้บ้าง และเฝ้ารอเวลาตอนดึกๆ ที่จะได้พูดคุยกับเธอทางโทรศัพท์ แต่ทว่าแค่นั้นก็ไม่เพียงพอ หลังๆ เมื่อเขาต้องอยู่คนเดียว อยู่กับความคิดของตัวเองเมื่อไร เด็กชายก็เอาแต่ซึมเซา เหม่อลอย ในชั่วโมงเรียนก็ไม่ได้ฟังที่อาจารย์สอน

“เคนสุเกะคุง เคสุเกะ!”

“หะ หา! อะไรๆ” สะดุ้งแล้วหันไปมา

“นี่นายอย่าเหม่อสิ เดี๋ยวคุณครูก็ว่าเอาหรอก”

มิยาโกะนั่งอยู่ข้างๆ เด็กหญิงผมซอยสั้นห้าวๆ เหมือนทอม ลูกคุณหนูตระผมลมหาเศรษฐีสะกิดเตือน

“เธออยากเรียนก็เรียนไปสิ อย่ามายุ่งกับฉัน”

เคนสุเกะทำตาดุใส่ มองไปที่กระดานเห็นอาจารย์กำลังสอนการหารเลข พ่นลมหายใจอย่างเซ็งๆ เขารู้มาตั้งเป็นชาติแล้ว เลยซบหน้าลงกับโต๊ะ

“เคนสุเกะ อย่านอนได้มั้ย น่าเกลียดจริงๆ”

เสียงของมิยาโกะดังหึ่งๆ ราวกับผึ้งน่ารำคาญ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอน เพราะตั้งหน้าตั้งตารอโทรศัพท์จากนานะ แต่เธอก็ไม่ได้โทร.มา พอลองเช็คอีเมล์ก็ปรากฏว่า ยายพาเธอไปเที่ยวค้างคืนที่เมืองลียง

เคนสุเกะเงยหน้ามาจ้องมองคุณหนูจอมแก่นอย่างไม่สบอารมณ์ เธอทำหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง สักครู่ก็เห็นบิดมือไปมา กระซิบกับเขาอย่างแผ่วเบาว่า

“นี่เคนสุเกะ ตอนพักเที่ยง เอ่อ พวกเราไปเล่นกันแบบวันนั้นอีกได้มั้ย”

เด็กชายวัยย่างสิบเอ็ดขวบขมวดคิ้ว เขารู้ว่ามิยาโกะหมายถึงอะไร แต่วันนี้เขาหงุดหงิดและง่วงนอน จนไม่มีอารมณ์จะไปเล่นอย่างว่ากับเด็กแก่แดดคนนี้

“นะๆ เคนสุเกะ ฉันอยาก เอ่อ.. แบบนั้นอีก ฉันชอบที่เคนสุเกะทำให้ มันมีความสุขมากเลยละ”

เซ้าซี้จนเริ่มฉุนกึก อยากนักใช่มั้ย หื่นมากใช่มั้ย ได้เลยมิโยโกะ!

ฉับพลัน มือของเคนสุเกะก็ล้วงไปจับที่ต้นขา แล้วเริ่มบีบ

“อ๊ะเคนสุเกะ! นี่มันชั่วโมงเรียนนะ” เธออุทานเบาๆ อย่างตกใจ

แต่เด็กชายหาได้สนใจ มือเล็กค่อยๆ เลื่อนเข้าไปในกระโปรง วันนี้มิยาโกะใส่กระโปรงผ้ายีนส์มา สั้นและแคบ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ชายกระโปรงรั้งขึ้นมาเล็กน้อย

“อย่า..”

มิโยโกะแขม่วท้อง เมื่อนิ้วมือแตะถึงขอบกางเกงใน และกำลังลูบตามขวางไปบนกลีบอูมนอกผ้า เธอหันหน้าเลิ่กลัก พยายามดูว่ามีใครในห้องสังเกตพวกเขาอยู่หรือเปล่า

ตำแหน่งที่เด็กทั้งสองนั่งอยู่ โต๊ะตั้งคู่ติดกันอยู่สุดห้อง จึงมองเห็นได้รอบด้าน ทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือ เคนสุเกะตามองอาจารย์ มือก็ล้วงไปเรื่อยๆ

เด็กหญิงวัยสิบเอ็ดเม้มปากปิดสนิท กระสับกระส่าย ส่วนตรงนั้นก็เริ่มร้อนวูบวาบ นิ้วเรียวสอดเข้าไปถึงด้านในแล้ว เคนสุเกะลูบขนอ่อนที่แทบจะนับเส้นได้ มิยาโกะนั่งนิ่งตัวแข็ง หน้าแดงก่ำ เขารู้ว่าตอนนี้เธอเสียวมากและชื้นแฉะหน่อยๆ แล้ว

มิยาโกะพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งเสียง แม้แต่เวลาจะระบายลมหายใจ ยังเป็นไปด้วยความอยากลำบาก มือของเคนสุเกะเลื่อนออก เธอทั้งโล่งใจและเสียดายผสมกัน แต่ก็แค่เพียงชั่วแวบเดียว เพราะเด็กชายจอบแสบเล่นปลดกระดุมกระโปรงเธอออกเม็ดหนึ่ง ให้ขอบกระโปรงหลอม แล้วสอดมือเข้าไปทางด้านบน

“คะ เคนจัง ยะ อย่า..” กระซิบบอกด้วยเสียงสั่นๆ ลมหายใจขาดช่วง

แต่เด็กชายไม่สนใจ ล้วงต่ำลงไป ผ่านเนินนูน ปลายนิ้วถูไปบนร่องน้อย ขาขาวผ่องเด็กหญิงที่ตอนแรกหนีบอยู่ก็แยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ พอนิ้วเล็กๆ แตะถูกเม็ดคริสจังเท่านั้น คุณหนูลูกผู้ดีถึงกับสะดุ้งเฮือก ขนแขนลุกเกรียวจนเห็นได้ชัด เธอหลับตาปี๋ ร้อนวูบๆ ไปทั้งร่าง โดยเฉพาะตรงส่วนนั้นที่ร้อนเป็นพิเศษ

นิ้วเรียวเล็กถูวนไปรอบปุ่มจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกาย กดตรงยอด มิยาโกะเกร็งตัว ขบกรามแน่น ขาสั่นพับๆ เขาใช้นิ้วสัมผัสเนื้ออ่อนด้านบน แล้วถูไถแทรกเข้าไปในร่อง น้ำเธอออกมามากแฉะกางเกงใน ไหลย้อยไปถึงร่องก้น เด็กหญิงสั่นสะท้าน อารมณ์พุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ ระลอกแล้วระลอกเล่า เคนสุเกะลูบๆ กดๆ งอนิ้วเกี่ยวไปมา เน้นไปที่ปุ่มพองขยาย ท่อเล็กสำหรับปัสสาวะ กดบี้ที่ปากช่องแคบและนูนหน่อยๆ เธอเสียวขึ้นมามากๆ ราวกับถูกเข็มตำ มิโยโกะรู้ดีว่าขืนโดนอย่างนี้ต่อไป เธอต้องเสร็จคามือเขาแน่ๆ

“พะ พอ.. แล้ว” มิยาโกะหายใจหอบสั่น พยายามดึงมือเขาออกไป ก้มหน้าแดง

เคนสุเกะยิ้มแต่ไม่ยอมหยุดมือ รู้ว่าเธอเสียวจนทนไม่ไหวแล้ว คุณหนูวัยสิบเอ็ดหนีบขาตัวเอง ทั้งดึงแขนเขา แต่ก็ไม่มีแรงทำได้มาก ทำอย่างไรเด็กชายก็ไม่ยอมเลิก จากที่ดึงก็กลายเป็นกอดแขนเขาไว้แน่น เกร็งตัวจนสั่นระริก แล้วกระตุกสี่ห้าที ช่องในบีบน้ำอุ่นพุ่งปรี๊ดออกมารดมือ ปลายนิ้วรับรู้ว่าปากช่องทางเต้นระยิบ
ตัวของมิยาโกะอ่อนลง หอบหายใจเหน็ดเหนื่อย ซบหน้ากับแขนเคนสุเกะ ไม่รับรู้อะไรแล้ว ทั้งเพลียและเสียววูบๆ ค้างอยู่นานกว่าจะคลายความสยิวซ่าน พอเสร็จ เคนสุเกะก็เอามือออกมา นิ้วของเขามีน้ำลื่นๆ อย่างเยอะ มีกลิ่นนิดๆ เด็กชายล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือ แล้วขยำเก็บใส่กระเป๋าอย่างไม่ยี่หระ

ตลอดทั้งชั่วโมง คุณหนูผู้เอาแต่ใจตัวเองไม่ได้เรียนเลย เอาแต่ฟุบหน้ากับโต๊ะ เพลียจนไม่อยากทำอะไร ทั้งที่นั่งเฉยๆ กางเกงในก็เปียกจนเย็นวาบๆ กว่าจะกลับบ้านตอนเย็น มันคงเหม็นอับดีพิลึก มันเป็นการถึงจุดสุดยอดที่เสียวสุดๆ ของเธอ เพราะขณะนั้นเด็กหญิงต้องกลั้นใจเก็บอาการไว้จนสุดฤทธิ์ จะส่งเสียงร้องครางเพื่อระบายความเสียวก็ไม่ได้ หรือจะขยับตัวไปมาก็ไม่ได้อีก กลัวคนอื่นจะสงสัยเอา บอกให้พอๆ ก็ไม่ยอมหยุด ต้องสะกดกลั้นไว้สุดๆ จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว และเสร็จคามือเขาไปจนได้



เคนสุเกะหลบผู้คนมานั่งหลบมุมอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว บนตักมีเครื่องโน้ตบุ๊ค แต่เขาไม่ได้ใช้งานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ศีรษะพิงลำต้น มือข้างหนึ่งล้วงผ้าเช็ดหน้ามาถือไว้ในมือ ผ้าที่ชื้นไปด้วยน้ำของมิยาโกะ เหม่อมองแล้วเม้มปากบาง

เด็กชายไม่ได้ตั้งใจให้เธอถึงจุดสุดยอดขณะกำลังเรียนหนังสือเลยสักนิด ตอนแรกแค่จะแหย่เธอเล่นๆ แค่พอสยิวก็ถอนมือออก แต่ทว่า ขณะที่ปลายนิ้วถูไปบนเนื้ออ่อนนุ่ม มันทำให้เขาคิดถึงนานะขึ้นมา นั่นทำให้อารมณ์ของเขาเกิดพลุกพล่านขึ้นมา

นานะจัง.. ทำไมต้องจากเคนไปด้วย รู้มั้ยว่าเคนคิดถึงแค่ไหน นานะจัง เคนอยากทำอย่างนี้กับนานะจัง ให้นานะจังมีความสุขที่สุด แต่ทำไมตอนนี้นิ้วมือของเคนต้องปรนเปรอให้กับยัยนี่ด้วยนะ!

แล้วเขาก็จินตนาการว่ากำลังลูบตรงนั้นของนานะจัง ความนุ่มลื่นของนานะจัง นานะจังกำลังเสียวซ่านสุดๆ และมีความสุขจนร่างสั่นกระตุกถี่ๆ

พอตื่นจากจิตนาการ ก็พบว่าเธอไม่ใช่ มิยาโกะซบหน้ากับแขน ไออุ่นนี้ไม่เหมือนกัน กลิ่นก็ไม่หอมเหมือนเลย ไม่มีใครทดแทนนานะได้ และอีกอย่าง เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับนานะจัง เคนสุเกะเก็บเธอไว้ ไม่ยอมให้เด็กน้อยรู้จักกับความสุขสูงสุดทางเพศ ปล่อยให้เธอบริสุทธิ์สดใสไร้เดียงสา ราวกับน้ำค้างบนกลีบดอกไม้ยามรุ่งอรุณ เด็กชายสงสัยว่ามันเป็นเพราเหตุใดกัน?



ทาเคชิเดินกลับไปกลับมาอย่างกระสับกระส่าย เขาเห็นว่าน้องเคนจัง เด็กสองเพศสุดน่ารักนั่งอยู่คนเดียวที่โคนต้นไม้กลางสวน อีกสิบห้านาทีก็จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว เด็กชายตัวสูงต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่มันจะสายเกินไป

ตกลงกับตัวเองได้เสร็จสรรพ ก็ตัดสินใจก้าวย่างอย่างมั่นคง เดินไปหาหนูเคน

“น้องเคนจังฮะ”

พยายามทำเสียงไม่ให้สั่นไหว กำมือแน่น ไม่ให้ตื่นเต้น แต่ใบหน้ากลับฟ้องออกมาจนแดงร้อน

ใบหน้าน่ารักเงยขึ้น ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วบางเป็นเส้นยาว แก้มเนียนใส ดวงตาสีดำกลมโตจ้องมา เล่นเอาทเคชิถึงกับตะลึงงัน นึกสิ่งที่เตรียมจะพูดเมื่อสักครู่ไม่ออก ตัวเธอคือความงดงามที่มีความเข้มแข็งแบบเด็กผู้ชาย ความอ่อนหวานปานน้ำผึ้งอย่างเด็กผู้หญิง ผสมผสานอยู่ในร่างเธอได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว ราวสวรรค์จงใจสร้างมาอย่างดี
“นายอีกแล้ว นายรุ่นพี่บ้ากาม”

เธอกล่าวพร้อมกับปิดโน้ตบุ๊คฉับ จ้องหน้าเขาอย่างหาเรื่อง

“น้องเคนจัง..” เขาทำสีหน้ากระอักกระอ่วน

“ช่างเหอะ พี่มีอะไรจะพูดก็ว่ามา คราวนี้ผมจะพยายามไม่โมโหพี่ก็แล้วกัน” เธอกล่าว น้ำเสียงแสดงความรำคาญออกมาเล็กน้อย

ทาเคชิรู้สึกใจชื้นขึ้น และกล้าที่จะคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กหญิง เขาก้มหัว

“น้องเคนจังฮะ พี่ขอโทษอีกครั้ง แล้วก็จะขอโทษอยู่อย่างนี้ จนกว่าน้องเคนจะให้อภัยพี่”
น้ำเสียงและหน้าตาแสดงความจริงใจอย่างเปี่ยมล้น เคนจังรู้สึกปั่นป่วนในใจ จิตใจส่วนที่เป็นผู้หญิงให้อภัยเขาไปนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เขากอดและขอโทษอย่างนุ่มนวลในห้องนั้น แต่จิตใจในแบบผู้ชายนี่สิ ที่พยายามห้ามปรามอย่างสุดฤทธิ์

“น้องเคนจังครับ”

คราวนี้ทาเคชิเอื้อมไปกุมมือนิ่มของเด็กหญิง เธอจะชักออก แต่เขายึดไว้แน่น

“พี่ขอร้องละฮะ พี่ขอแค่ช่วงนี้เท่านั้น ช่วยเป็นเพื่อนกับพี่หน่อยได้มั้ย แล้วต่อไปจะไม่มาให้น้องเห็นหน้าอีก เดือนหน้าพี่ก็จะเรียนจบชั้นประถมแล้ว และก็คงจะไม่ได้เจอน้องเคนจังอีก"

หนูเคนถอนหายใจ สุดท้ายแล้วก็ใจอ่อน ความอุ่นจากมือของเด็กชาย ส่งผ่านมายังหัวใจให้อ่อนยวบ

“ก็ได้พี่ทาเคชิ ผมเป็นเพื่อนกับพี่ก็ได้ แต่ว่าผมมีข้อแม้อยู่สามข้อ” เสียงหวานๆ กล่าว

“อะไรๆ เพื่อน้องเคนจัง พี่ทำได้ทุกอย่างเลย” กระตือรือร้นขึ้นมา

“อย่างแรก พี่ห้ามเรียกผมว่าน้องเคนจังอีก ให้เรียกน้องเคนเฉยๆ แล้วข้อที่สอง ห้ามพี่ทำอย่างกับผมเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ซะที ผมไม่ชอบ”

“ได้ๆ” ทาเคชิพยักหน้าหงึกหงัก บีบมือเด็กหญิงแน่นเข้า แก้มแดงระเรื่อเล็กน้อย

“แล้วสุดท้าย ห้ามพี่ทำทะลึ่งกับผมอีก ไม่อย่างนั้น” เธอมองลงไปที่เป้ากางเกง “ผมจะเจื๋อนของพี่ทิ้งซะเลย”

ทาเคชิกลืนน้ำลายเอื๊อก เสียววูบที่ตรงนั้นขึ้นมาตะงิดๆ จึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับเธอ และ..

แล้วหนูเคนจังก็อดอมยิ้มอย่างน่ารักตามไม่ได้


ห่างจากตรงที่เด็กทั้งสองนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ไม่ไกลนัก ก็มีเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แอบยืนหลบมุมตึกจ้องมองเขม็งด้วยสายตาชิงชัง เธอคือโทโมโยะ ดาวโรงเรียนสุดสวยนั่นเอง

“เจ้าเคน นายกะเทย นายตัวแสบ นายมหาวายร้าย นายเด็กหื่นกาม คอยดูนะ ฉันต้องหาทางแก้แค้นนายให้ได้ โทษฐานที่ทำให้สุดที่รักของฉันต้องสับสนทางเพศ แกนะแก ถึงฉันจะเรียนจบไปแล้วก็เหอะ ฮืม!”


เด็กหญิงนานะวัยสิบขวบ ในชุดเดรสสีขาวผ้าฝ้ายลายลูกไม้ คลุมไหล่ทับด้วยเสื้อสเควตเตอร์ถัก ผมที่หยักศกอยู่แล้วถูกดัดเป็นลอนม้วน ดูน่ารักราวกับตุ๊กตาฝรั่งเศส และเธอเองก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เด็กหญิงตัวน้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว ริมถนนอเวนิวโจเซฟบลูลาวาร์ด กลางลานแชมส์เดอมาร์ ซึ่งทอดตัวยาวไปจนถึงหอไอเฟิลสูงตระหง่าน มีนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่แต่ก็เงียบสงบ ร้านคอฟฟี้ช็อปใกล้ๆ ส่งกลิ่นเม็ดกาแฟคั่วบดหอมหวลมาพร้อมๆ กับเสียงเพลงประจำถิ่น
นานะสูดลมหายใจ มองไปบนท้องฟ้าครามไร้เมฆขาว เธอย้ายมาอยู่ฝรั่งเศสได้หนึ่งเดือนแล้ว และเริ่มปรับตัวให้เข้ากับที่นี่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ก่อนมาก็พอพูดภาษาฝรั่งเศสได้บ้าง เพราะแม่ชอบพูดกับเธอบ่อยๆ เวลาอยู่ที่บ้าน เรื่องภาษาจึงไม่เป็นอุปสรรคมากนัก แต่ทว่า ความคิดถึงที่มีต่อเคนสุเกะนี่สิ ที่คอยแต่กัดกร่อนจิตใจเธอเรื่อยมา

เด็กหญิงหยิบโปสการ์ดที่เพิ่งซื้อมาจากตรอกข้างสำนักงานยูเนสโกเมื่อตะกี้ขึ้นมาดู เป็นภาพของหอคอยไอเฟิล เหมือนกับที่เธอเห็นอยู่ในขณะนี้ สายลมเย็นจนเกือบหนาวพัดมาเอื่อยๆ นานะจรดปากกาเขียนถึงเขา


สวัสดีเคนจังจ๋า

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้างจ๊ะ เริ่มหนาวหรือยัง ที่ฝรั่งเศสอากาศเริ่มเย็นขึ้นบ้างแล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าหน้าหนาวแล้วแหละ

นานะเขียนโปสการ์ดมาหา ให้ทายซิว่าเค้าเขียนที่ไหน ฮิๆ ถูกต้องแล้วจ้า ก็เขียนอยู่ที่เดียวกับในรูปนั่นแหละ ที่นี่สวยมากเลยนะ โรแมนติกด้วย แต่เสียดายที่ที่สวยๆ อย่างงี้กับไม่มีเคนจังอยู่ด้วย (ฮือๆ) เศร้าจังเนอะ

เคนจังไม่ต้องเป็นห่วงเค้านะ อยู่ที่นี่เค้าก็มีความสุขดี คุณยายใจดี ชอบทำขนมแปลกๆ มาให้กินตลอดเวลา (ถ้ากลับไปแล้วเค้าอ้วนเป็นหมู เคนจังจะยังชอบเค้าอยู่มั้ยอ่ะ)

นานะเริ่มเรียนที่โรงเรียนในปารีสแล้วนะ เพื่อนๆ ในห้องมีแต่ฝรั่งผมทองทั้งนั้นเลย ผิวก็ไม่เหมือนเรา มันหยาบๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ ตอนนี้เค้ามีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนนะ ไปไหนมาได้ด้วยกันตลอด อ้อ เธอมีพี่ชายด้วย เป็นฝาแฝดละ แต่นานะว่าหน้าไม่ค่อยเหมือนกันซักเท่าไหร่นะ ชื่อสตีเว่น กับ มาเรีย ทั้งสองคนนิสัยดีมากๆ เลยนะ และพวกเขายังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนานะด้วย แปลกใจจัง เค้าก็เพิ่งรู้นะเนี่ย

เอ่อเคนจัง นานะคงต้องเขียนจบแค่นี้แหละ กระดาษมันไม่ค่อยมีที่ให้เขียนเท่าไหร่ นี่ก็เขียนตัวเล็กสุดๆ แล้วนะ หวังว่าเคนจังจะอ่านออก และก็ นานะได้แต่นับเวลารอ รอที่จะได้พบกันเคนจังอีกครั้ง

รักนะ..

น้องน้อยของเคนจัง


นานะคลี่ยิ้มเมื่ออ่านทวนอีกรอบ บรรจบสอดโปสการ์ดเก็บไว้ในกระเป๋าถืออย่างดี กะว่าขอนั่งรับลมเย็นๆ อีกสักประเดี๋ยวก็จะลุกไปที่ตู้ไปรษณีย์

“นานะฮะ เสร็จหรือยัง เดี๋ยวผมจะได้พานานะไปขึ้นไปดูวิวข้างบนหอไอเฟิลต่อ”

เด็กหญิงตุ๊กตาฝรั่งเศสผสมเอเชียสะดุ้งไปเล็กน้อย เพราะอยู่ดีๆ เด็กผู้ชายคนหนึ่งชะโงกหน้ามาจากข้างหลัง

“อุ๊ยสตีเว่น ตกใจหมดเลย”

“คร้าบ ผมเอง ว่าแต่นานะเขียนเสร็จหรือยังอ่ะ” เขาขยับมานั่งด้วย

“เสร็จแล้วละ เอ่อ แล้วมาเรียล่ะ”

“อ้อ รายนั่นน่ะเหรอ ตะกี้เห็นเข้าไปในร้านไอติมแน่ะ เดี๋ยวก็มา”

สตีเว่นฉีกยิ้มกว้าง เขาเป็นเด็กฝรั่งผมสีบรอนด์ทอง ผิวขาวจั๋ว ใบหน้าหล่อน่ารัก จมูกโด่ง ตัวสูงใหญ่กว่าเด็กญี่ปุ่นทั่วไป แม้จะอายุแค่สิบเอ็ดขวบก็ตาม นั่นทำให้นานะซึ่งปกติก็ตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งดูเล็กจิ๋วลงไปอีก เธอเขยิบก้นเว้นระยะห่างอีกหน่อย
เด็กชายไม่ค่อยชอบใจเท่าไร รู้จักกันร่วมเดือน เด็กหญิงชาวญี่ปุ่นก็ยังคงขี้อาย และหวงตัวไม่หาย แต่อย่างน้อยเขาก็ดีใจ ที่เธอเปิดใจพูดกับเขามากขึ้น พอเริ่มสนิทด้วย สตีเว่นก็เห็นว่าเธอเป็นเด็กร่าเริง และพูดเก่งพอสมควร แม้ภาษาฝรั่งเศสจะเพี้ยนๆ ไปบ้างก็เถอะ แต่บางทีเธอก็ชอบปลีกตัวจากเขาและน้องสาวฝาแฝด ไปหลบมุมอยู่เงียบๆ บ้างเป็นครั้งคราว

“เฮ้สตีฟ นานะ เอ้าไอติม คนละอันนะ”

เสียงสดใสราวกับท้องฟ้าเหนือกรุงปารีส เด็กทั้งสองหันไปมอง ก็เห็นเด็กผู้หญิงหน้าหวาน ผมสีเดียวกับสตีเว่น ตัวสูงพอๆ กับเขา เธอสวมใส่ชุดที่ดูหวานไปทั้งตัว แต่แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจตัวเองอย่างเปี่ยมล้น

“ว้าว ขอบใจนะมาเรีย อ่ะนี่นานะ”

สตีเว่นกล่าวขอบใจ เด็กผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวฝาแฝดของเขาเอง ไอศกรีมก้อนโตน่ากินวางโปะอยู่บนโคน เด็กทั้งสามคนนั่งทางไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อย แม้จะมีลมเย็นๆ พัดมาบ้างก็ตาม

“เอ้อนานะ เธอเขียนโปสการ์ดถึงบอยเฟรนด์เสร็จแล้วเหรอ”

อยู่ดีๆ มาเรียก็ถามขึ้น ขณะละเลียดไอศกรีม จมูกเธอเปื้อนหน่อยๆ สตีเว่นชักสีหน้าไม่พอใจ ส่วนนานะนั้นหน้าแดงแป๊ด

“กะ ก็เสร็จแล้วจ้ะมาเรีย แล้วเดี๋ยวมาเรียช่วยพานานะไปที่ตู้ไปรษณีย์ด้วยนะ”

“อือ ได้สิ ไม่มีปัญหา.. มองอะไรสตีฟ” มาเรียหันมามองพี่ชาย

“ไม่มีอะไร” เขากัดไอศกรีมอย่างฉุนเฉียว

นานะเลิกคิ้วสงสัย แต่ดูเหมือนมาเรียจะรู้ดี เธออมยิ้มขำๆ

ตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ นานะรู้จักมาเรียเป็นคนแรก และเนื่องจากเด็กหญิงชาวฝรั่งเศสเป็นคนเปิดเผย มีมนุษย์สัมพันธ์ดี เพียงระยะเวลาไม่กีวันก็สนิทสนมเป็นเพื่อนรักกัน นานะได้เล่าให้เธอฟัง เรื่องที่เธอต้องแยกจากเคนสุเกะ

มาเรียรู้ดีว่าสตีเว่นคิดอะไรกับนานะอยู่ เธอชอบแกล้งพี่ชายมาตั้งแต่เล็กๆ เมื่อสักครู่จึงอดแหย่เขาเล่นไม่ได้ และจงใจใช้คำว่า ‘บอยเฟรนด์’ ต่อหน้าเขา แล้วก็ได้ผลดีเสียด้วยสิ หุหุ
ใช้ร่วมกัน:

Tokyo

Tokyo is the capital of Japan.